เนื้อหาของกระทู้นี้ไปได้มาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่ง อ่านแล้วรู้สึกตื้นต้น แล้วรู้สึกว่าได้ข้อคิดดีก็จะขอนำมาลงไว้ในกระทู้นี้ หลายท่านคงจะสังเกตุเห็นว่าพิธีทางพุทธของเราอะไรก็เอา "นะโม" นำก่อน ทำไมถึงต้องนะโม นะโมมีความหมายอย่างไร
นะโม แปลว่า "นอบน้อม" ดังคำแปลที่แปลไว้ต้นหมวดพุทธ ว่าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า... ถ้าดูกันตามความหมายนั้นก็คงจะพอเป็นเหตุเป็นผลอยู่พอสมควร แต่หากความหมายลึกๆ แล้ว หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถร ท่านได้ชี้แจงไว้ในหนังสือมุตโตทัย ถึงที่มาที่ไปของ "นะโม" สรุปพอสังเขปได้ว่า
นะ คือ ธาตุน้ำ ซึ่งมาจากแม่
โม คือ ธาตุดิน ซึ่งมาจากพ่อ
ทั้งสองธาตุนี้ผสมกันจึงเกิดเป็นตัวเรา โดยมีธาตุไฟ และธาตุลมเข้ามาอาศัยภายหลัง นะโม จึงสำคัญเพราะเป็นธาตุตั้งต้น และเมื่อครั้งหมดธาตุลมและธาตุไฟ ทุกอย่างก็จะสลายคืนธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่า "นะโม" นอกจากจะแปลตรงตัวว่า "นอบน้อม" แล้วยังมีความหมายเชิงลึกเช่นนี้อีกด้วย
ครั้นเราผวน "นะโม" จะได้ว่า "มโน" มโน แปลว่า ใจ ครั้นตรงนี้ก็ต้องยกพุทธพจน์ว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฎฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ
ในสมัยเด็กข้าพเจ้าเอง ยังเคยได้อ่านหนังสือซึ่งได้กล่าวไว้ถึงอานิสงฆ์ของ "นะโม" นี้ อยู่เรื่องหนึ่งซึ่งยังจำได้จนทุกวันนี้ อาจจะดูงมงายแต่ก็ขอมากล่าวไว้เพื่อที่จะยก "นะโม" ให้ดูขลังเพิ่มขึ้นในมุมมองของท่านที่ชอบอิทธิปาฏิหารย์ ซึ่งกล่าวไว้ว่า เด็กเล็กยังท่องบทนะโมได้ไม่จบ ท่องได้ นะโมๆ เพียงแค่นี้ครั้นเขาหลับในช่วงกลางคืน ในบริเวณที่มีผีวนเวียนอยู่ แค่เด็กน้อยกล่าว นะโม ผีเหล่านั้นยังมิอาจทำอะไรได้
ที่กล่าวมาข้างต้นพอสังเขปนี้ คงทำให้หลายท่านเข้าใจความหมายและเหตุผลที่ "นะโม" ถูกสวดนำหน้าบทสวดอื่นๆ และหวังว่าทุกท่านจะได้ระลึกถึง "นะโม" และ ตั้ง "มโน" ทุกครั้งที่กล่าวบทสวดบทนี้
ขออนุโมทนาจากเวบไซต์
เวบนายกิ๊http://www.ki.in.th/content_view.php?ct_id=00041